จะเอาไฟฟ้าสะอาดจากไหนมาชาร์จ?
ประเทศไทยมีทรัพยากรด้านพลังงานน้อยมาก สวนทางกับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี ทำให้ไทยต้องนำเข้าพลังงานไฟฟ้าจากเพื่อนบ้านมานานแล้ว พลังงานที่ไทยนำเข้ามากที่สุดสำหรับโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า คือ น้ำมันดิบ 1.07 ล้านล้านบาท รองลงมาคือ ก๊าซธรรมชาติและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ถ่านหิน และการซื้อไฟฟ้าจากเพื่อนบ้าน เชื้อเพลิงดังกล่าวที่เราเอามาใช้ปั่นไฟใช้สร้างมลพิษมากมายมหาศาล นั่นก็คือ ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ กลายเป็นการปล่อยมลภาวะที่ไม่มีวันจบสิ้น เมื่อไฟฟ้าที่ใช้สำหรับการชาร์จไฟให้กับรถไฟฟ้านั้นได้มาจากการปล่อยมลพิษ โดยสร้างความสกปรกให้กับบรรยากาศ และสิ่งแวดล้อมเยอะขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า! เรายังคงไม่มีโรงผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานลม หรือพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีขนาดใหญ่มากพอที่จะป้อนไฟฟ้าให้ผู้คนในเมือง หรือเขตอุตสาหกรรมใหญ่ๆ พลังงานคลื่นหรืออะไรก็ตามที่สามารถผลิตไฟได้มาก และไม่ก่อให้เกิดมลพิษก็ยังมองไม่เห็นหนทาง หากหันไปใช้โรงงานผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ถ้าเกิดการรั่วไหลแบบโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล หรือฟุกุชิมะ จะเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งแวดล้อมในบริเวณนั้น!
จะกำจัดแบตเตอรี่เก่าของรถไฟฟ้าอย่างไรให้ไร้มลพิษ
10-15 ปีให้หลัง เมื่อแบตฯ ของรถไฟฟ้าเสื่อมสภาพ เมื่อจำเป็นต้องโละทิ้งแบตเตอรี่ติดรถ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ จะกองท่วมสูงเป็นภูเขา แบตเตอรี่เป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่กำจัดได้ยากที่สุด ยังไม่นับแบตเตอรี่จากโทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่นพกพา, โน้ตบุ๊ก การกำจัดแบตเตอรี่หมดอายุการใช้งานของรถไฟฟ้ายังไม่ได้รับการกล่าวถึงอย่างเป็นรูปธรรม หรือเป็นรูปเป็นร่างเท่าที่ควร
MINI Thailand เริ่มต้นศักราชด้วยนิยามใหม่ของการขับขี่ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยการวิจัยและพัฒนารถไฟฟ้าขนาดเล็กที่ใช้พื้นฐานของรถ MINI มาตั้งแต่ปี 2015 หลังจากนั้น ในช่วงต้นปี 2020 จึงทำการเปิดตัว MINI Cooper SE รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกจาก MINI โดยเผยโฉมในประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ดีไซน์เอกลักษณ์รถเล็กอารมณ์โกคาร์ท เป็นก้าวสำคัญแห่งการปฏิวัติการขับขี่ด้วยพลังงานสะอาด แต่ยังคงความสนุกเร้าใจสไตล์โกคาร์ทในตำนาน พร้อมรูปโฉมที่เป็นเอกลักษณ์ บุกเบิกไลฟ์สไตล์แบบใหม่แห่งการขับขี่ในตัวเมืองด้วยพลังงานสะอาด การเปิดพรีออเดอร์ผ่านช่องทางออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 14.14 น.ในจำนวนจำกัดเพียง 25 คัน หลังจากการเปิดรับจอง ใช้เวลาแค่ 33 วินาที รถ MINI EV ทั้ง 25 คันก็หมดลงอย่างว่องไว! นับเป็นการขายที่เร็วที่สุด คล้ายกับการเปิดตัว MINI Cooper GP ที่รถ MINI รุ่น Limited Edition ทั้ง 15 คัน ถูกลูกค้าจองหมดเกลี้ยงตั้งแต่ก่อนเปิดตัว ราคา 2,290,000 บาท บวก MINI Wall Box สำหรับการชาร์จไฟที่ปลอดภัยภายในบ้านอีก 100,000 บาท Cooper SE ยังมาพร้อมแพ็กเกจบำรุงรักษา MSI Standard นาน 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร และรับประกัน 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
จากตัวเลขยอดขายที่อยู่ในทิศทางขาขึ้นของ MINI Thailand ค่อนข้างสวนทางกับสภาพเศรษฐกิจโลกในช่วงนี้ ทำให้ลูกค้า MINI ในประเทศไทย กลายเป็นเจ้าของกลุ่มแรกในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ที่ได้ขับ MINI Cooper SE ซึ่งเป็นรถยนต์ไซส์เล็กรุ่นใหม่ล่าสุด ที่บุกเบิกนวัตกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ สำหรับการขับใช้งานในเมืองหรือขับออกทางไกลด้วยระยะทำการประมาณ 180-200 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับการใช้ความเร็ว) ด้วยสไตล์ที่สดใหม่ MINI EV เป็นรถที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว MINI Thailand ได้นำเสนอนิยามใหม่ของการใช้พื้นที่ในตัวรถ พร้อมระบบขับเคลื่อนที่ไม่มีมลภาวะ เพื่อมอบความสนุกสนานในการขับขี่สไตล์รถโกคาร์ท ในเซกเมนต์พรีเมียมคอมแพคเป็นครั้งแรก ถือเป็นการก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืน จากการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เพื่อเดินหน้าสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นของสภาพแวดล้อมภายในเมืองแบบปลอดมลพิษ ตามแนวทางการผลิตรถยนต์ยุคใหม่ของ BMW Group
MINI Cooper SE ยานยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของ MINI สืบทอดตำนานความคลาสสิกของรูปลักษณ์ ตามแบบฉบับของรถ MINI Hatch 3 ประตู ขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หน้า พร้อมสมรรถนะแบบรถโกคาร์ท จากการเทแรงบิดด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง การใช้ไฟฟ้าขับเคลื่อน ทำให้มันเป็นยานพาหนะที่ไร้การปล่อยมลพิษ ระบบส่งกำลังและวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ควบคุมการจ่ายพลังงานไฟฟ้าไปยังระบบต่างๆ ติดตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของรถ ในโครงสร้างรูปทรงท่อที่ออกแบบให้มีความแข็งแรง รองรับมอเตอร์ขับเคลื่อนขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่ด้านหน้า ส่วนแบตเตอรี่แรงดันสูง ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่สำหรับวางใน Cooper SE ประกอบไปด้วยเซลล์แบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออน จำนวน 12 โมดูล ติดตั้งในรูปทรงตัว T บริเวณใต้พื้นห้องโดยสาร การวางตำแหน่งดังกล่าวเพื่อการกระจายน้ำหนักที่สมดุล ชุดแบตฯ จุพลังงานไฟฟ้ารวม 32.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง
Cooper SE ออกแบบให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำกว่า MINI Cooper S ถึง 30 มิลลิเมตร ตัวเลขการกระจายน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์สมมาตร เพื่อการควบคุมที่ดี โดยเฉพาะตอนเข้าโค้ง ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) ช่วยเสริมความสนุกโดยไม่สูญเสียประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน Cooper SE มีโหมดการขับขี่ 4 รูปแบบ ได้แก่ Sport, MID, GREEN, และ GREEN+ ซึ่งโหมดสุดท้าย Green + จะตัดการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ ทำให้สามารถเพิ่มระยะทางในการขับขี่อีก 30 กิโลเมตร (โดยไม่มีแอร์) การจำกัดหรือหยุดการทำงานของระบบอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ระบบปรับอากาศ หรือระบบอุ่นเบาะที่นั่ง เพื่อยืดระยะทางของการวิ่งให้ไกลออกไปอีกเฉียดๆ 30 กิโลเมตร เป็นระยะทางที่คุณสามารถวิ่งไปถึงสถานีชาร์จไฟได้โดยไม่ต้องพึ่งพารถยกสไลด์ออนเนื่องจากกระแสไฟในแบตฯ หมด!
มอเตอร์ไฟฟ้า ออกแบบให้มีขนาดเล็กกว่าเครื่องยนต์สันดาปขนาด 2.0 ลิตร ที่วางอยู่ใน Cooper S จุดเด่นก็คือ มอเตอร์ของมันมีขนาดกะทัดรัดและมีน้ำหนักเบากว่า สามารถวางโดยกระจายน้ำหนักลงสู่เพลาได้อย่างสมมาตร ผสานกับจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำในสไตล์รถโกคาร์ท ทำให้ MINI Cooper SE มีความคล่องตัวสูง เร่งติดเท้าจากแรงบิดที่กลายเป็นแรงดึงมหาศาล ระบบบังคับเลี้ยวแบบไฟฟ้า ปรับจูนน้ำหนักของพวงมาลัยเพื่อทำให้คนขับสามารถควบคุมทิศทางได้อย่างคล่องแคล่วและแม่นยำ เป็นรถไฟฟ้าคันเล็กที่ขับง่ายและมีอัตราเร่งดุเดือดเอาเรื่อง ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูงช่วงล่างและชุดบังคับเลี้ยวสอดประสานทำหน้าที่สร้างความเสถียร ช่วงล่างของ Cooper SE มีประสิทธิภาพในการเกาะถนนมากขึ้น จากตำแหน่งของแบตเตอรี่แรงดันสูงที่วางอยู่บริเวณใต้ท้องรถ ระหว่างเบาะนั่งด้านหน้าไปจนถึงบริเวณใต้เบาะหลัง การติดตั้งแบตเตอรี่ที่ใต้ท้องรถเช่นนี้ ทำให้มีพื้นที่ในการเก็บสัมภาระมากกว่ารุ่นอื่นๆ Cooper SE ออกแบบให้สูงกว่า MINI รุ่นอื่น 18 มิลลิเมตร เพื่อทำให้มันสามารถลุยน้ำท่วมขังตื้นๆ ได้ แต่ในความเป็นจริงของการใช้งานก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงน้ำท่วมขัง เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานของมอเตอร์และแบตเตอรี่
BMW Group ระดมวิศวกรระบบขับเคลื่อน เพื่อออกแบบมอเตอร์ไฟฟ้าของ Cooper SE ให้มีประสิทธิภาพมากกว่า BMW i3S มอเตอร์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด พัฒนาโดย BMW Group มีกำลังสูงสุดมากถึง 135 กิโลวัตต์ หรือ 184 แรงม้า พอฟัดพอเหวี่ยงกับ Cooper S ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบแบบ Twin Scroll สำหรับแรงบิดสูงสุดของมอเตอร์ทำได้ที่ 270 นิวตันเมตร ทันทีที่เท้าแตะคันเร่ง ส่งความเร็วจาก 0 ถึง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียงแค่ 3.9 วินาทีเท่านั้น มอบความแรงเร้าใจใน 60 เมตรแรก ด้วยแรงกระชากลากถูเทียบชั้นรถสปอร์ตกำลัง 300 แรงม้าเลยทีเดียว
การเร่งความเร็วอย่างจี๊ด เกิดขึ้นแบบฉับพลันทันทีโดยปราศจากอาการรอรอบ แรงดึงที่มากกว่า Cooper S ทำให้การออกตัวเร็วๆ จากจุดหยุดนิ่งเกิดอาการทอร์คสเตียร์ หรืออาการขืนตัวของพวงมาลัยที่ค่อนข้างหนักหน่วงอยู่เหมือนกัน Cooper SE เร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 7.3 วินาที มีความเร็วสูสีกับ Cooper S ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในพร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบ ส่วนการทำความเร็วสูงสุด Cooper SE ไหลอย่างเร็วขึ้นไปจนถึง 153 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อชาร์จไฟจนเต็ม พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนที่จ่ายให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้มันวิ่งทางไกลได้ระยะทางสูงสุดราว 180 - 200 กิโลเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำงานอย่างเงียบเชียบ ทำให้มีการติดตั้งระบบการจำลองเสียงเพื่อเตือนคนเดินถนน ซึ่งเป็นเสียงเฉพาะสำหรับ Cooper SE โดยจำลองเสียงผ่านทางระบบลำโพงสำหรับขณะขับขี่ที่ความเร็วต่ำ
ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน BMW Group ทุกชิ้นส่วนของระบบขับเคลื่อนมีโครงสร้างที่ออกแบบเป็นพิเศษยึดติดอย่างแข็งแรง มอเตอร์ติดตั้งตัวตัดกำลัง เพื่อหยุดการทำงานทั้งหมดทันทีหากเกิดการชน วงจรอิเล็กทรอนิกส์อยู่ภายใต้กันชน ส่วนโครงสร้างมอเตอร์ถูกเสริมความแข็งแกร่ง แบตเตอรี่แรงดันสูงติดตั้งอยู่ภายในแผ่นรองฐานใต้ท้องรถ ออกแบบมาเพื่อป้องกันชิ้นส่วนแบตเตอรี่โดยเฉพาะ
จุดที่ทำได้ดีมากก็คือ เทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าของ BMW Group ที่เชื่อมต่อกับระบบนำพลังงานจากการเบรกหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ หรือที่เรียกกันว่า regenerative brake เมื่อผู้ขับยกคันเร่งออกจากแป้น เพื่อชะลอความเร็ว ทันทีที่ผู้ขับยกเท้าออกจากคันเร่ง ความเร็วจะลดลงทันทีคล้ายการแตะเบรกแต่แทบจะไม่ต้องไปยุ่งกับแป้นเบรกแต่อย่างใดทั้งสิ้น เมื่อยกเท้าออกจากแป้นคันเร่ง ไฟเบรกจะติดขึ้นเองโดยอัตโนมัติเพื่อแจ้งเตือนรถคันข้างหลัง และเมื่อใช้เบรก ระบบ regenerative brake จะประจุอัดกระแสไฟฟ้าส่งไปเก็บในแบตเตอรี่ MINI Cooper SE สามารถลดความเร็วรถได้ขณะขับขี่ที่ความเร็วต่ำโดยไม่ต้องแตะเบรก ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมความเร็วได้โดยใช้เพียงคันเร่ง one-pedal feeling สามารถเลือกปรับเปลี่ยนระหว่างการขับขี่แบบ one-pedal feeling หรือเลือกลดระดับการนำพลังงานจากเบรกกลับมาใช้ใหม่ เพื่อทำให้รถชะลอตัวอย่างนุ่มนวล แรกๆ อาจเกิดความไม่คุ้นชินกับการหน่วงความเร็วเมื่อยกเท้าออกจากคันเร่ง แต่ขับไปสักพักคุณจะเริ่มชอบ จากความสะดวกสบาย ใช้เบรกน้อยลงกว่าเดิมและสามารถกะระยะของการหยุดเมื่อขับในเมืองได้อย่างแม่นยำ
การชาร์จไฟของ Cooper SE ถ้าติดตั้ง wall box charger ของ MINI จะใช้ระยะเวลาในการชาร์จ 3 ชั่วโมง ส่วนระดับของการอัดประจุไฟเข้าแบตฯ สามารถตั้งค่าได้ว่าจะชาร์จแบบเต็มที่ หรือค่อยๆ ปล่อยให้ไฟไหลเข้าไปในแบตฯ จนเต็ม ห้ามใช้สายพ่วงต่อที่มีขนาดเล็ก เนื่องจากความร้อนที่เกิดจากการชาร์จ ทำให้ปลั๊กร้อนและอาจทำให้เกิดอันตราย รถ Cooper SE ราคา 2,290,000 บาทเพิ่มเงินอีก 100,000 บาทสำหรับ wall box charger ของ MINI จะชาร์จไฟได้อย่างปลอดภัยไร้กังวลในส่วนของพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในการขับเคลื่อน MINI Cooper SE สามารถชาร์จจากระบบโครงข่ายไฟฟ้าได้หลายรูปแบบ ทั้งจากปลั๊กไฟในบ้านโดยตรง (อุปกรณ์มาตรฐานของตัวรถ) แต่ควรใช้สายปลั๊กต่อพ่วงขนาดใหญ่ หรือจากเครื่องชาร์จ MINI ELECTRIC Wallbox และจากสถานีชาร์จสาธารณะ ตำแหน่งที่เสียบสายชาร์จอยู่จุดเดียวกับที่เคยเป็นตำแหน่งฝาถังเติมเชื้อเพลิง Cooper SE รองรับหัวชาร์จทั้ง AC และ DC แบบ Type 2 และหัวชาร์จ CCS Combo 2 มีไฟบอกสถานะการชาร์จปรากฏอยู่เหนือเต้าเสียบใน 3 สถานะด้วยกัน ได้แก่ ไฟสีส้มขณะเริ่มชาร์จ ไฟกะพริบสีเหลืองระหว่างการชาร์จ และไฟสีเขียวเมื่อชาร์จเต็ม
แบตเตอรี่แรงดันสูงสามารถรองรับสายชาร์จทั้งแบบมาตรฐานและสายชาร์จจาก MINI ELECTRIC Wallbox รองรับกำลังไฟได้สูงสุด 11 กิโลวัตต์ ชาร์จถึง 80 เปอร์เซ็นต์ภายใน 2.5 ชั่วโมง และชาร์จเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ภายใน 3.5 ชั่วโมง เมื่อชาร์จจากสถานีที่เป็นหัวชาร์จแบบ DC fast-charging จะช่วยให้สำรองพลังงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ระบบชาร์จไฟของ Cooper SE ออกแบบมาให้รองรับพลังงานในการชาร์จได้สูงสุด 50 กิโลวัตต์ ชาร์จได้ 80 เปอร์เซ็นต์ภายใน 36 นาที (ไม่สามารถชาร์จ 100% เนื่องจากเป็นการอัดประจุไฟที่มีการถ่ายเทกระแสไฟฟ้าแรงสูงมาก และทำให้แบตเตอรี่มีอุณหภูมิที่สูงขึ้นขณะชาร์จ) Cooper SE สามารถเลือกใช้บริการติดตั้งเครื่องชาร์จ MINI ELECTRIC Wallbox ที่ติดตั้งได้ในโรงรถ และบริเวณที่จอดรถที่มีหลังคา หรือเลือกใช้บริการจากสถานีชาร์จไฟสาธารณะ ChargeNow แค่โหลดแอปพลิเคชันมาก็จะแสดงตำแหน่งของสถานีชาร์จที่มีอยู่ทั่วไปในเขตกรุงเทพมหานคร รวมถึงตามหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ
MINI Cooper SE ยานยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดคันแรกของแบรนด์ MINI ยังคงมีหน้าตาเหมือนกับรถ MINI Hatch รุ่นมาตรฐานทั่วไป แต่มีบางจุดบางตำแหน่งที่แสดงออกถึงตัวตนในภาคของรถไฟฟ้า เช่น กระจังหน้า คาดตราสัญลักษณ์รูปปลั๊กสีเหลือง ตัดกับขอบกระจังโครเมียมสีเงิน ไฟเลี้ยวบริเวณแก้มข้างพร้อมสัญลักษณ์รูปปลั๊ก และฝาถังที่เคยเป็นตำแหน่งเติมเชื้อเพลิง เมื่อทำตัวเป็นยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ฝาถังเชื้อเพลิงตำแหน่งเดิม เปลี่ยนมาเป็นที่เสียบปลั๊กชาร์จไฟ กรอบกระจกมองข้างสีเหลือง สัญลักษณ์รูปปลั๊กไฟบริเวณฝาท้าย ล้ออะลูมิเนียมแบบ Aero Dynamic ขอบ 17 นิ้ว ยางไซส์ 205/45R17 84V เป็นยางติดรถจากโรงงาน ยี่ห้อ continental รุ่น contisportcontact 3 SSR หลังคาสีดำ ตัดกับสีตัวถัง White Silver Metallic พร้อมไฟท้ายธงอังกฤษที่อยู่ใน MINI Cooper S Facelift
มิติตัวถังของ Cooper SE มีขนาดความยาวรวม 3,850 มิลลิเมตร กว้าง 1,727 มิลลิเมตร สูง 1,414 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,495 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,440 กิโลกรัม ความจุพื้นที่เก็บสัมภาระ (ยังไม่พับเบาะหลัง 211 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังจะเพิ่มเป็น 731 ลิตร น้ำหนักบรรทุกสูงสุด 405 กิโลกรัม
งานตกแต่งภายในห้องโดยสาร ดูเผินๆ คล้ายกับ Cooper S แต่มีบางตำแหน่งที่แปลกแยกแตกต่างจากรุ่นเครื่องยนต์สันดาป เช่น แดชบอร์ดคอนโซล คาดวัสดุคล้ายคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมแถบสีเหลืองที่เป็นสัญลักษณ์ของรถ EV รุ่นใหม่จาก MINI เบาะคู่หน้าปรับมือเหมือนเดิม โดยใช้หนังสองสไตล์มาตกแต่งตัวเบาะ ทั้งหนังแบบปกติและหนัง Alcantara ตำแหน่งของเบาะคู่หน้าปรับได้อย่างหลากหลายโดยใช้มือโยกและไม่มีเบาะไฟฟ้ามาให้ แดชบอร์ดคอนโซลโทนสีดำ จอแสดงผลกลางล้อมกรอบด้วยงานโลหะเงาสีดำ
จอภาพมอนิเตอร์ขนาด 6.5 นิ้ว สั่งงานด้วยระบบสัมผัส เชื่อมโยงกับระบบให้ความบันเทิง ระบบนำทางด้วยดาวเทียม กล้องมองภาพด้านหลังพร้อมเส้นระนาบในการกะระยะ การปรับตั้งโหมดขับเคลื่อน 4 รูปแบบ เช่น SPORT / MID / GREEN / GREEN+ การเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ในระบบบลูทูธ การปรับตั้งค่าต่างๆ ที่ทำผ่านปุ่มควบคุม MINI controller บริเวณใกล้กับคันเกียร์ MINI พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งล่อใจที่จะทำให้ Cooper SE มีการตกแต่งภายในที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับรุ่นที่ใช้เชื้อเพลิง ซึ่งน่าจะเป็นเพราะราคาถูกกว่า
เพื่อให้ภายในของมันยังคงรูปแบบเดิม Cooper SE แต่มีการเปลี่ยนแปลงหลักๆ เพื่อความแตกต่างจากรุ่นที่ใช้เชื้อเพลิง SE มาพร้อมหน้าจอภาพมาตรวัดพลังงานและความเร็ว รวมถึงระดับของแบตเตอรี่ เป็นจอภาพ TFT LCD ขนาด 5.5 นิ้วพร้อมระบบนำทาง อุปกรณ์เสริมหน้าจอมอนิเตอร์ระบบสัมผัสจัดความคมชัดและฟังก์ชันใช้งานที่ครอบคลุม เช่น ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติแบบสองโซนและระบบเบรกมือสำหรับจอดรถแบบไฟฟ้า เจ้าของรถ MINI ไฟฟ้า จะไม่รู้สึกผิดปกติใน Cooper SE แต่คลัสเตอร์มาตรวัดแบบอนาล็อกของเดิมถูกถอดออกไป แล้วแทนที่ด้วยหน้าจอ TFT LCD ขนาด 5.5 นิ้ว แทนมาตรวัดแบบเดิมๆ การตกแต่งภายในของ SE ยังโดดเด่นด้วยการเน้นสีเหลืองบนคันเกียร์และปุ่มสตาร์ต
เช่นเดียวกับงานดีไซน์ภายนอกห้องโดยสาร Cooper SE มีการออกแบบภายในที่เน้นความอ่อนเยาว์ จากรูปแบบและฟังก์ชันการใช้งาน วัสดุคุณภาพสูงและความสมบูรณ์ของโครงสร้างที่แข็งแรง ส่วนวงกลมที่คุ้นเคยตรงกลาง เป็นที่ตั้งของหน้าจอสาระบันเทิงตัวควบคุมเครื่องเสียง ระบบนำทาง การเชื่อมต่อและการปรับตั้ง แถวของสวิตช์สีเงินแบบมันวาวที่อยู่ต่ำลงมาก็ยังอยู่เหมือนเดิม รวมถึงเครื่องเสียงเกรดดีของ Harman/Kardon ใน Mini ไฟฟ้า การจัดวางตำแหน่งที่เน้นการใช้งานของคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถสลับระหว่างโหมดการขับที่เป็นเอกลักษณ์ แผงหน้าปัดมาตรวัดดิจิทัลขนาด 5.5 นิ้ว ซึ่งจะแสดงระดับการชาร์จแบตเตอรี่ ความเร็ว คำนวณระยะทางต่อกระแสไฟฟ้าในแบตฯ ที่สามารถวิ่งถึง และข้อมูลที่สำคัญอื่นๆ SE ไฟฟ้า ทุกรุ่นติดตั้งเบาะนั่งคู่หน้าแบบอุ่น และระบบควบคุมสภาพอากาศแบบดูอัลโซน พร้อมขอบหน้าปัดย่อยที่สูงขึ้นเพิ่มความพิเศษ เช่น การควบคุมระยะจอดด้านหลัง การชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย กล้องมองหลัง และระบบควบคุมการทรงตัวแบบไดนามิก Mini Cooper SE ติดตั้งถุงลมนิรภัย 8 จุด เพื่อปกป้องผู้โดยสารในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
ชุดแบตเตอรี่ออกแบบพิเศษโดยวางอยู่บนพื้นรถพร้อมการปิดกั้นอย่างดี สำหรับผู้โดยสารสี่คนใน Mini เบาะคู่หน้านั่งสบายกว่าเบาะหลังที่ควรจะเอาไว้ให้สุนัขชิวาวานอนเล่นมากกว่าจะให้คนตัวโตลงไปนั่ง ผู้โดยสารด้านหลังที่มีรูปร่างสมบูรณ์พูนสุขจะต้องดิ้นรนขนาดหนัก เพื่อเบียดตัวเองให้เข้าไปที่เบาะหลัง และเมื่อนั่งลงบนเบาะหลัง ก็จะพบว่าเบาะหลังนั้นมีพื้นที่วางขาที่จำกัดอย่างมาก เฮดรูมก็น้อยสำหรับคนที่มีสัดส่วนความสูง 170-180 นี่นั่งลำบากมาก Cooper Hatch 3 ประตู จึงเหมาะกับการเดินทางไปไหนมาไหนแค่สองคนมากกว่าจะยัดจนเต็มคันถึงสี่คน พื้นที่ด้านหลังที่คับแคบไม่ได้ทำให้ยอดขายของ Cooper รุ่น Hatch ลดลงแม้แต่น้อย และสำหรับคู่รักวัยรุ่น Cooper เป็นรถเล็กที่ใช้งานได้ดี ตัวเลือกเบาะที่ดูเก๋ไก๋และสีภายในไม่ได้ลดระดับความสวยงามลง เบาะนั่งด้านหน้าทั้งรองรับสรีระและให้ความสบายเมื่อขับทางไกล เนื่องจากประตูไม่ยาวเกินไป ทางเข้าและทางออกของเบาะหน้าจึงทำได้ง่าย แม้ในพื้นที่ที่แคบกว่า ทัศนวิสัยเป็นจุดแข็งเช่นกัน เนื่องจากหน้าต่างด้านข้างมีความสูงและตัวรถนั้นสั้นมาก จึงง่ายต่อการกะระยะเมื่อจะเลี้ยวกลับลำหรือทำการจอดรถในที่คับแคบ
หลายประเทศในยุโรป และอเมริกา มีการสนับสนุนให้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น การสนับสนุนจากภาครัฐกระตุ้นให้ผู้ใช้รถยนต์แบบเก่าหันมาใช้รถไฟฟ้าที่ไม่ปล่อยมลพิษ โดยใช้วิธีลดภาษี, สนับสนุนทางการเงินกับโรงงานผลิตรถไฟฟ้า, ให้สิทธิพิเศษต่างๆ แต่เท่าที่เห็นเมื่อเดินทางไปยังต่างประเทศ ความนิยมในการใช้รถยนต์ไฟฟ้ายังคงย่ำอยู่กับที่ ในบางประเทศ ยกตัวอย่างเช่น เนเธอร์แลนด์ แม้จะใช้รถไฟฟ้า Tesla เป็นรถแท็กซี่ แต่ภาพรวมของรถไฟฟ้าเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปก็ยังมีจำนวนเพียงน้อยนิดแบบนับคันได้ ไม่ได้แพร่หลายกระจายไปทั่วเหมือนอย่างที่คิดกันไว้แต่แรก มาตรการที่เข้มงวดในการลดจำนวนรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในของยุโรป โดยเฉพาะ เยอรมนี กว่าจะเป็นรูปเป็นร่างคงต้องรอไปอีก 10 ปี จนถึงปี ค.ศ. 2030
MINI Cooper SE พลังงานไฟฟ้า เป็นรถคันเล็กกะทัดรัดที่ใช้งานได้ดี และช่วยทำให้อากาศรอบๆ ตัวคุณและครอบครัว รวมถึงสภาพแวดล้อมในกรุงเทพฯ หรือที่ที่มันวิ่งผ่านปราศจากมลพิษเพราะไม่มีการสันดาปจุดระเบิด การไม่ปล่อยมลพิษและวิ่งอย่างเงียบเชียบ รวมถึงการเร่งความเร็วน้องๆ Cooper JCW ในช่วง 0-96 กิโลเมตร นั้นเร็วมาก การยึดเกาะในสไตล์รถโกคาร์ท ทำให้มันขับสนุกเหมือน Cooper S แต่จ่ายถูกกว่า และได้ของตกแต่งกับออปชั่นที่เหมือนกัน จุดที่ชอบก็คือ ช่วงเร่งความเร็ว แรงดึงที่เกิดจากแรงฉุดลากหรือแรงบิดของมอเตอร์ไฟฟ้านั้นเหลือรับประทาน ความมันหลังพวงมาลัยจากฟีลลิ่งของตัวรถที่จูนมาดี และความคล่องตัวเมื่อขับในเมือง เป็นมาตรฐานของรถ MINI ทุกรุ่น ที่ถูกบรรจุอยู่ในยานยนต์พลังงานไฟฟ้าคันแรกของแบรนด์รถเล็กจากอังกฤษ ซึ่งมีเจ้าของเป็นแบรนด์หรูจากเยอรมนีอย่าง BMW Group บางสิ่งบางอย่างของมัน ทำให้ผมรู้สึกชอบ Cooper SE มากกว่า i3S โดยเฉพาะการเร่งความเร็วในสไตล์ของ MINI พร้อมอาการทอร์คสเตียร์นั้น ลืมไม่ลงจริงๆ ครับ.
MINI Cooper SE DATA
Real Range
between 130 - 280 km
City - Cold Weather 180 km
Highway - Cold Weather 130 km
Combined - Cold Weather 155 km
City - Mild Weather 280 km
Highway - Mild Weather 170 km
Combined - Mild Weather 215 km
Performance
Acceleration 0 - 100 km/h 7.3 sec
Top Speed 150 km/h
Electric Range 185 km
Total Power 135 kW (184 PS)
Total Torque 270 Nm
Drive Front Wheel
Battery and Charging
Battery Capacity 32.6 kWh
Battery Useable 28.9 kWh
Europe
Charge Port Type 2
Port Location Right Side - Rear
Charge Power 11 kW AC
Charge Time (0->185 km) 3h15m
Charge Speed 60 km/h
Fastcharge Port CCS
FC Port Location Right Side - Rear
Fastcharge Power (max) 49 kW DC
Fastcharge Time (19->148 km) 29 min
Fastcharge Speed 260 km/h
Energy Consumption
EVDB Real Range
Range 185 km
Vehicle Consumption 156 Wh/km
CO2 Emissions 0 g/km
Vehicle Fuel Equivalent 1.8 l/100km
NEDC Ratings
Range 270 km
Rated Consumption 150 Wh/km
Vehicle Consumption 107 Wh/km
CO2 Emissions 0 g/km
Rated Fuel Equivalent 1.7 l/100km
Vehicle Fuel Equivalent 1.2 l/100km
WLTP Ratings
Range 234 km
Rated Consumption 152 Wh/km
Vehicle Consumption 124 Wh/km
CO2 Emissions 0 g/km
Rated Fuel Equivalent 1.7 l/100km
Vehicle Fuel Equivalent 1.4 l/100km
Real Energy Consumption
between 103 - 222 Wh/km
City - Cold Weather 161 Wh/km
Highway - Cold Weather 222 Wh/km
Combined - Cold Weather 186 Wh/km
City - Mild Weather 103 Wh/km
Highway - Mild Weather 170 Wh/km
Combined - Mild Weather 134 Wh/km
Dimensions and Weight
Length 3,845 mm
Width 1,727 mm
Height 1,432 mm
Wheelbase 2,495 mm
Weight Unladen (EU) 1,440 kg
Gross Vehicle Weight (GVWR) 1,770 kg
Cargo Volume 211 L
Cargo Volume Max 731 L
Towing Weight Unbraked 0 kg
Towing Weight Braked 0 kg
Roof Load No Data
Max. Payload 405 kg
Miscellaneous
Seats 4 people
Isofix No Data
Turning Circle 10.7 m
Car Body Hatchback
Segment B - Small
Roof Rails No
Charging Point Max. Power Power Time Rate
Wall Plug (2.3 kW) 230V / 1x10A 2.3 kW 15 hours 12 km/h
1-phase 16A (3.7 kW) 230V / 1x16A 3.7 kW 9h15m 20 km/h
1-phase 32A (7.4 kW) 230V / 1x32A 7.4 kW 4h45m 39 km/h
3-phase 16A (11 kW) 400V / 3x16A 11 kW 3h15m 57 km/h
3-phase 32A (22 kW) 400V / 3x16A 11 kW † 3h15m 57 km/h
Charging Point Max. Power Avg. Power Time Rate
CCS (50 kW DC) 49 kW † 44 kW † 29 min 260 km/h
CCS (175 kW DC) 49 kW † 44 kW † 29 min 260 km/h
CCS (350 kW DC) 49 kW † 44 kW † 29 min 260 km/h
Fast Charging (10 -> 80%)
Rapid charging enables longer journeys by adding as much range as possible in the shortest amount of time. Charging power will decrease significantly after 80% state-of-charge has been reached. A typical rapid charge therefore rarely exceeds 80% SoC. The rapid charge rate of an EV depends on the charger used and the maximum charging power the EV can handle. The table below shows all details for rapid charging the Mini Cooper SE.
Read more about rapid charging of the Mini Cooper SE on the Fastned website.
Max. Power: maximum power provided by charge point
Avg. Power: average power provided by charge point over a session from 10% to 80%
Time: time needed to charge from 10% to 80%
Rate: average charging speed over a session from 10% to 80%
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/
"ไฟฟ้า" - Google News
September 08, 2020 at 10:05AM
https://ift.tt/2GwLrTs
รถไฟฟ้ามาแล้วนะเธอ! ทดสอบยานยนต์พลังงานไฟฟ้า MINI COOPER SE - ไทยรัฐ
"ไฟฟ้า" - Google News
https://ift.tt/2Wd4Qyj
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
https://ift.tt/2SOJ3e7
Bagikan Berita Ini
0 Response to "รถไฟฟ้ามาแล้วนะเธอ! ทดสอบยานยนต์พลังงานไฟฟ้า MINI COOPER SE - ไทยรัฐ"
Post a Comment